ผู้หญิงวัยทองอายุเท่าไหร่ ช่วงอายุที่เป็นช่วงวัยทองของผู้หญิงหรือที่เรียกว่า “วัยหมดประจำเดือน” (Menopause) นั้นมักเกิดขึ้นระหว่างอายุประมาณ 45-55 ปี ช่วงนี้เป็นช่วงที่รังไข่หยุดการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งทำให้ประจำเดือนหยุดลงอย่างถาวร อย่างไรก็ตามก่อนถึงวัยหมดประจำเดือนจะมีช่วงที่เรียกว่า “วัยก่อนหมดประจำเดือน” ซึ่งอาจเริ่มต้นได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีหรือน้อยกว่านั้น ในช่วงนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนและอาการที่เกี่ยวข้อง เช่น ร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน หรือมีปัญหาในการนอนหลับ
ผู้หญิงวัยทองมีอารมณ์ไหม สำหรับเรื่องอารมณ์ทางเพศของผู้หญิงในช่วงวัยทอง (วัยหมดประจำเดือน) ยังคงมีอารมณ์ทางเพศได้แต่ด้วยความไม่พร้อมทางร่างกายของผู้หญิงวัยทองอาจทำให้ความรู้สึกทางเพศอาจเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์ที่มีผลต่อความรู้สึกทางเพศได้ โดยที่บางคนอาจ
รู้สึกว่ามีความต้องการทางเพศลดลงเนื่องจากอาการที่มากับวัยทอง เช่น อาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน หรือความรู้สึกไม่สบายตัว ในขณะที่บางคนอาจไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงมากนักหรือแม้กระทั่งรู้สึกว่ามีความสนใจทางเพศเพิ่มขึ้น การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ การพูดคุยกับคู่ครองและการปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสม เช่น การใช้ฮอร์โมนบำบัด (HRT) หรือการใช้สารหล่อลื่น (lubricants) สามารถช่วยปรับปรุงและรักษาความสัมพันธ์ทางเพศให้ดีขึ้นได้ในช่วงวัยทองนี้
ผู้หญิงวัยทองตั้งท้องได้ไหม โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงในช่วงวัยทอง (วัยหมดประจำเดือน) ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากการหยุดการทำงานของรังไข่ทำให้การตกไข่หยุดลงจึงไม่สามารถมีไข่ที่พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนหมดประจำเดือนซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ผู้หญิงยังคงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ แม้ว่าจะมีโอกาสน้อยกว่าปกติ เนื่องจากการตกไข่ยังอาจเกิดขึ้นได้เป็นบางครั้ง สำหรับผู้หญิงที่ยังไม่หมดประจำเดือนอย่างถาวรและไม่ต้องการตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นจนกว่าจะผ่านช่วงวัยหมดประจำเดือนอย่างแน่นอนโดยเกณฑ์ปกติคือ 12 เดือนติดต่อกันโดยไม่มีประจำเดือนเลย
ผู้หญิงวัยทองกับการกินอาหาร การกินอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงวัยทอง (วัยหมดประจำเดือน) มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่มากับวัยทองและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้ แนวทางในการกินอาหารที่ดีสำหรับผู้หญิงวัยทองโดยให้เพิ่มแคลเซียมและวิตามินดี แคลเซียมช่วยเสริมสร้างกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน ควรบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต ชีส เต้าหู้ ถั่วเหลือง ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียวเข้ม (เช่น ผักโขม คะน้า) และงา ส่วนวิตามินดีจะมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมจากอาหารและเสริมสร้างกระดูก แหล่งที่มาคือ แสงแดด ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน รวมถึงไข่และผลิตภัณฑ์นมเสริมวิตามินดี ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยทองควรบริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์สูงเพราะไฟเบอร์จะช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอลและรักษาระบบขับถ่าย ควรบริโภคผัก ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง และธัญพืชที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และเมล็ดแฟล็กซ์ การเลือกกินโปรตีนคุณภาพดีจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อที่ลดลงตามอายุ โปรตีนจากแหล่งที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลา เนื้อไก่ไม่ติดมัน ไข่ ถั่วเหลือง ถั่วเลนทิล ถั่วต่าง ๆ และโปรตีนจากพืช สารอาหารสำหรับผู้หญิงวัยทองควรเพิ่มอาหารที่มีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) ที่เป็นสารธรรมชาติที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการวัยทองได้ พบในถั่วเหลือง เต้าหู้ ถั่วลิสง เมล็ดแฟล็กซ์ และธัญพืช การกินอาหารของผู้หญิงวัยทองควรลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและน้ำตาล อาหารที่มีไขมัน
อิ่มตัวสูง เช่น เนื้อแดง เนย และอาหารทอด ควรเลือกไขมันไม่อิ่มตัวเช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา และอะโวคาโด ทั้งนี้ลดการบริโภคน้ำตาลและขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงเพื่อควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ผู้หญิงวัยทองควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพราะการดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายและลดอาการวัยทอง เช่น อาการร้อนวูบวาบ การบริโภคอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์และป้องกันโรคเรื้อรัง ควรบริโภคผักและผลไม้ที่มีสีสัน เช่น เบอร์รี่ บรอกโคลี และแครอท สิ่งสำคัญอีกประการคือให้พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการวัยทอง เช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์ และอาหารรสจัด เครื่องดื่มและอาหารเหล่านี้อาจกระตุ้นอาการวัยทอง เช่น อาการร้อนวูบวาบ ควรสังเกตและหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น ผู้หญิงวัยทองควรปรับพฤติกรรมการกินอาหารโดยกินมื้อเล็กๆ แต่กินให้บ่อยครั้งขึ้น การกินอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยครั้งแทนการกินมื้อใหญ่จะช่วยในการควบคุมน้ำหนักและรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
ผู้หญิงวัยทองควรกินวิตามินอะไร วิตามินและแร่ธาตุที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงวัยทองสามารถช่วยบรรเทาอาการวัยทองที่เกิดขึ้นและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้ตัวอย่างเช่น วิตามินดี (Vitamin D) จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ส่งเสริมสุขภาพกระดูกและลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทองโดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินดีได้แก่ ปลาที่มีไขมันสูง (ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน) ไข่แดง เห็ดและผลิตภัณฑ์นมเสริมวิตามินดีและควรออกไปรับแสงแดดยามเช้าเพื่อรับวิตามินดีจากแสงแดดด้วย แคลเซียม (Calcium) จะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนโดยเฉพาะหลังวัยหมดประจำเดือนที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงทำให้กระดูกบางลงโดยแหล่งอาหารที่มีแคลเซียมได้แก่ นม โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว (เช่น คะน้า ผักโขม) เต้าหู้และถั่วแอลมอนด์ วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) ร่างกายของผู้หญิงวัยทองจะได้รับประโยชน์จากวิตามินบีรวมซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาสุขภาพของระบบประสาทและสมอง ลดความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและความเหนื่อยล้าและช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน แหล่งอาหารที่มีวิตามินบีได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว เมล็ดธัญพืชและผักใบเขียว วิตามินอี (Vitamin E) จะมีประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมของเซลล์และลดอาการวัยทอง เช่น อาการร้อนวูบวาบตามเนื้อตัว วิตามินซี (Vitamin C) จะช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันและการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคเรื้อรังอื่นๆ ซึ่งจะหาได้จากผลไม้ตระกูลส้ม สตรอว์เบอร์รี กีวี บรอกโคลีและพริกหวาน แมกนีเซียม (Magnesium) มีส่วนช่วยในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ลดอาการปวดหัวและอาการกล้ามเนื้อเกร็งรวมทั้งช่วยรักษาความดันโลหิต โอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids) ช่วยลดการอักเสบ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดและอาจช่วยลดอาการวัยทอง เช่น อาการร้อนวูบวาบ แหล่งอาหารที่มีโอเมก้า-3 ได้แก่ ปลาที่มีไขมันสูง (แซลมอน แมคเคอเรล ซาร์ดีน) เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดเจียและถั่ววอลนัท ธาตุเหล็ก (Iron)แม้ว่าความต้องการธาตุเหล็กอาจลดลงหลังวัยหมดประจำเดือนแต่ผู้หญิงบางคนยังคงมีความเสี่ยงที่จะขาดธาตุเหล็กซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจางได้จึงควรกินอาหารที่มีธาตุเหล็กเพื่อป้องกันการชาดธาตุเหล็ก สารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) เป็นสารธรรมชาติที่มีฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ สารนี้จะหาได้จากอาหารประเภท เต้าหู้ ถั่วเหลือง ธัญพืช เมล็ดแฟล็กซ์
ยาบำรุงผู้หญิงวัยทอง ยาบำรุงสำหรับผู้หญิงวัยทองมีหลายประเภท ซึ่งมักถูกใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการที่มากับวัยหมดประจำเดือนและส่งเสริมสุขภาพโดยรวม การเลือกใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เหมาะสมควรพิจารณาตามอาการและสุขภาพเฉพาะบุคคล ประเภทของยาบำรุงและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใช้สำหรับบำรุงร่างกายผู้หญิงวัยทองได้แก่ ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy – HRT) จะช่วยบรรเทาอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวน และป้องกันโรคกระดูกพรุน โดยสามารถเลือกได้หลายรูปแบบทั้ง ยาเม็ด ยาทา ยาแปะ หรือเจล ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและ/หรือโปรเจสเตอโรนแต่ก็มีข้อควรระวังเช่น ความเสี่ยง
เพิ่มขึ้นต่อการเกิดโรคหัวใจ มะเร็งเต้านม หรือโรคหลอดเลือดสมอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมของการใช้ การเลือกบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen Supplements) จะช่วยบรรเทาอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบและอารมณ์แปรปรวน โดยสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) เป็นสารธรรมชาติที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน พบได้ในถั่วเหลือง เมล็ดแฟล็กซ์ และธัญพืช ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำเช่น สารสกัดจากถั่วเหลืองเป็นต้น แคลเซียมและวิตามินดี (Calcium and Vitamin D Supplements) จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุนที่อาจเกิดขึ้นหลังวัยหมดประจำเดือน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอหรือได้รับจากอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง การบำรุงด้วยวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) จะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและสุขภาพสมอง วิตามินบี6 และบี12 โดยเฉพาะช่วยในการผลิตสารสื่อประสาทและลดความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า หากเลือกบำรุงด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant Supplements) จะช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและเสริมสุขภาพโดยรวม เช่น วิตามินซี วิตามินอี และซีลีเนียม ท้้งนี้สามารถรับประทานวิตามินซีหรือวิตามินอีเพื่อเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเรื้อรัง โปรไบโอติก (Probiotics) จะช่วยในการย่อยอาหารและการทำงานของลำไส้ ลดอาการท้องผูก และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันหรือจะเลือกใช้อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากพืชสมุนไพรเช่น สารสกัดจากชะเอมเทศ (Black Cohosh): ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบและอาการวัยทองอื่นๆ สารสกัดจากใบสะระแหน่ (Dong Quai): มีฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน ช่วยบรรเทาอาการวัยทอง สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba): ช่วยในการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและบำรุงสมอง การเลือกยาบำรุงสำหรับผู้หญิงวัยทองหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้หญิงวัยทองควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสุขภาพและไม่มีผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยากับยาหรืออาหารเสริมอื่นๆ ที่ใช้อยู่เป็นประจำ
ผู้หญิงวัยทองอาหารเสริมที่เหมาะสม สำหรับผู้หญิงวัยทองการเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวนและช่วยป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นในวัยนี้ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้า อาหารเสริมที่แนะนำสำหรับผู้หญิงวัยทองได้แก่ ไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลือง ไอโซฟลาโวน (Isoflavones) เป็นสารไฟโตเอสโตรเจนที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากถั่วเหลือง เช่น “Soy Isoflavones” หรือ “Genistein” น้ำมันปลา (Fish Oil) หรือ โอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids) จะช่วยลดการอักเสบ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและสมอง ลดอาการวัยทองบางอย่าง เช่น อาการร้อนวูบวาบ และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ “Fish Oil” หรือ “Omega-3 Capsules” ที่มีส่วนประกอบของ DHA และ EPA อาหารเสริมสำหรับผู้หญิงวัยทองอาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากชะเอมเทศ (Black Cohosh) ที่จะช่วยบรรเทาอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ และอาการอื่น ๆ ของวัยหมดประจำเดือน ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ อาหารเสริม “Black Cohosh Extract” ยังมีอาหารเสริมอีกหลายชนิดที่มีสารอาหารที่เหมาะกับผู้หญิงวัยทอง ทั้งนี้มีข้อแนะนำในการเลือกซื้อคือ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานโดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองคุณภาพและมาตรฐาน เช่น GMP (Good Manufacturing Practice) การเลือกใช้อาหารเสริมที่เหมาะสมและปลอดภัยสามารถช่วยให้ผู้หญิงวัยทองมีสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้และที่สำคัญคือควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเริ่มใช้อาหารเสริมโดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาอื่น ๆ ที่อาจมีปฏิกิริยากับอาหารเสริม