โดยทั่วไปก่อนจะตัดสินใจทำประกันฯ ต้องกำหนดเป้าหมายในการทำประกันฯเสียก่อน โดยปกติการทำประกันฯจะมีเป้าหมายอยู่ 2-3 เรื่องเช่น เป้าหมายในการออมเงิน เป้าหมายในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย-ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดเจ็บป่วยหรือเป้าหมายเพื่อการคุ้มครองเฉพาะทาง ถ้ามีเป้าหมายเรื่องการออมเงินจะเป็นลักษณะของการที่ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนระหว่างปีที่ทำประกันอยู่หรือผู้เอาประกันอาจจะเลือกรับเงินคืนเป็นก้อนเมื่อครบกำหนดตามสัญญา ส่วนการทำประกันเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องค่ารักษาพยาบาลเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเมื่อผู้เอาประกันเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาแล้วจะได้รับการดูแลรักษาที่ดีและยังคงได้รับรายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เจ็บป่วยทำให้ไม่กระทบกับรายได้ของผู้เอาประกัน ส่วนการทำประกันเพื่อการคุ้มครองเฉพาะทางนั้นตัวอย่างเช่น การประกันการเดินทางที่จะมีผลคุ้มครองผู้เอาประกันเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศโดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยประกันตามจำนวนวันที่เดินทางเป็นต้น
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกซื้อประกันสุขภาพอีกประการคือ หากท่านมีความกังวลใจหรือคิดว่าท่านมีความเสี่ยงในเรื่องใดท่านควรเลือกทำประกันเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เพราะการทำประกันสุขภาพนั้นเป็นการถ่ายโอนความเสี่ยงเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้มีผู้มารับผิดชอบแทนเรานั่นคือบริษัทประกันนั่นเอง ต้องพิจารณาว่าในภาวะปัจจุบันนี้ท่านมีสวัสดิการหรือทำประกันในเรื่องอะไรไว้แล้วบ้างแล้วสิ่งที่ยังขาดอยู่และท่านมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นกับตัวท่านก็ให้เลือกที่จะทำประกันเพิ่มในส่วนที่ยังไม่ครอบคลุมนั้น ๆ อย่าลืมว่าประกันที่ดีที่สุดคือประกันที่ช่วยลดภาระและค่าใช้จ่ายให้ท่านได้มากที่สุดซึ่งไม่มีประกันแบบใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนจะมีก็เฉพาะประกันที่เหมาะกับแต่ละบุคคลเท่านั้น.
ประกันสุขภาพเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำประกันที่ให้ความคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาซึ่งอาจต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ต้องหยุดทำงานทำให้เกิดผลกระทบหรือปัญหาทางการเงินของผู้เอาประกัน การทำประกันสุขภาพจึงสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ ความหมายของการประกันสุขภาพคือการที่ผู้รับประกันจะจ่ายค่าสินไหมหรือเงินทดแทนจำนวนหนึ่งให้กับผู้เอาประกันเพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการทางการแพทย์ ซึ่งการจ่ายเงินทดแทนนี้จะจ่ายตามเงื่อนไขหรือจ่ายตามลักษณะการคุ้มครองที่ผู้เอาประกันเลือกไว้ตอนทำสัญญา
ก่อนที่ผู้เอาประกันจะตัดสินใจทำประกันสุขภาพ ควรหาข้อมูลเสียก่อนโดยเริ่มจากการสำรวจว่าตนเองมีความคุ้มครองพื้นฐานอยู่มากน้อยเพียงใด เช่น มีประกันสังคม ประกันสุขภาพพื้นฐาน ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ฯลฯ และควรตรวจสอบในรายละเอียดด้วยว่าประกันต่างๆที่มีอยู่แล้วนั้นมีความคุ้มครองครอบคลุมในด้านใดบ้างและในวงเงินมากน้อยแค่ไหนตัวอย่างเช่น มีวงเงินค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่และขอบเขตความคุ้มครองของประกันที่มีอยู่แล้วนั้นครอบคลุมโรคร้ายแรงต่างๆมากน้อยเพียงใด สรุปให้ได้ว่าความคุ้มครองเหล่านั้นเพียงพอสำหรับคุณหรือยังและที่สำคัญฐานะทางการเงินของคุณขณะนี้ถ้าคุณต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจะด้วยเหตุใดก็ตามคุณมีความสามารถที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ได้หรือไม่
ถ้าความคุ้มครองของประกันฯ ต่างๆ ที่มีอยู่แล้วยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ(ซึ่งส่วนมากจะเป็นแบบนั้น) ผู้เอาประกันควรหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าประกันสุขภาพมีรูปแบบความคุ้มครองแบบใดบ้างเพื่อเลือกทำประกันสุขภาพที่มีรูปแบบความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้เอาประกันให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับการคุ้มครองอย่างคุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายไป รูปแบบการคุ้มครองของประกันสุขภาพอาจมีลักษณะแบบนี้เช่น คุ้มครองเฉพาะกรณีที่ผู้เอาประกันเกิดเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้นหรือให้ความคุ้มครองไปถึงเรื่องการเกิดอุบัติเหตุด้วยและการคุ้มครองนั้นจะมีผลในทันทีหรือต้องให้การเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาเสียก่อนจึงจะได้รับความคุ้มครองเช่น เมื่อผู้เอาประกันเกิดเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุจนต้องเข้ารับการรักษาตัวและนอนในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง เมื่อเข้าเงื่อนไขนี้ผู้รับประกันจึงจะจ่ายเงินชดเชยให้โดยการจ่ายเงินชดเชยจะอยู่ในรูปของค่าห้อง ค่ายา ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าอาหารและค่าบริการทั่วไป ฯลฯ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา
การพิจารณาเลือกซื้อประกันสุขภาพ ควรพิจารณาจากค่าห้องในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นหลักโดยหาข้อมูลว่าโรงพยาบาลที่เราใช้บริการอยู่เป็นประจำนั้นมีอัตราค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาลและค่าอื่นๆ เท่าไหร่เพื่อที่เราจะได้เลือกรูปแบบความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงค่าห้องรวมค่าบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลที่เราใช้บริการเป็นประจำเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องออกเงินส่วนต่างหรือออกเงินส่วนต่างค่ารักษาพยาบาลในจำนวนที่ไม่มากหรืออยู่ในเกณฑ์ที่เราพอจะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้โดยไม่กระทบกับการใช้จ่ายเงินตามปกติของครอบครัวมากนัก
เรื่องที่ควรนำมาพิจารณาประกอบในการเลือกทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมคือ จำนวนโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือว่ามีความครอบคลุมมากน้อยเพียงใดเพราะเมื่อเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาทุกคนย่อมต้องการไปถึงมือแพทย์ให้เร็วที่สุด หากไปใช้บริการโรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อตามสัญญาของบริษัทประกันฯ ปัญหาที่จะเกิดตามมาคือ ผู้เอาประกันต้องสำรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลไปก่อนแล้วค่อยไปทำเรื่องเบิกเงินทดแทนจากบริษัทประกันฯอีกทีหนึ่งซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ว่าบริษัทประกันจะดำเนินเรื่องและจ่ายเงินทดแทนให้กับผู้เอาประกันที่สำรองจ่ายเงินไปก่อนแล้วได้รวดเร็วเพียงใด
บทสรุปของการเลือกทำประกันสุขภาพก็คือเลือกบริษัทประกันฯที่มีรูปแบบความคุ้มครองที่ครอบคลุมและตรงตามความต้องการของผู้เอาประกัน เมื่อต้องจ่ายเงินทดแทนต้องจ่ายง่าย(ไม่หยุมหยิม) ความคุ้มครองที่ได้รับต้องคุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่จ่ายไป