คนที่เป็นโรคตาบอดสี คำว่า “ตาบอดสี” มีความหมายว่าการรับรู้สีจะผิดเพี้ยนไปจากปกติคือไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่านั้นเอง ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคตาบอดสีจะมองไม่เห็นสีเลย ถึงอย่างไรก็ตามการเป็นตาบอดสีก็มีผลเสียต่อตัวผู้ป่วยในการใช้ชีวิตประจำวันไม่น้อยเลย คนที่ตาบอดสีเป็นเพราะมีการรับรู้สีบกพร่องเพราะเซลส์ประสาทในม่านตาไม่สามารถแยกสีได้อย่างสมบูรณ์ทำให้ตาไม่สามารถรับรู้หรือมองเห็นสีบางสี อาการตาบอดสีมักเกิดกับสีแดงและสีเขียวเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยไม่สามารถจำแนกสีแดงและเขียวออกจากสีอื่นได้ การรับรู้หรือการมองเห็นของตาผู้ป่วยโรคนี้จะรับรู้ภาพเป็นสีเทา ขาว ดำ เหลือง น้ำเงิน กับสีที่เกิดจากการผสมของสีทั้งหลายที่กล่าวมาแล้ว
อาการตาบอดสีที่พบมาก (ตาบอดสีเขียว-แดง) ผู้ป่วยจะแยกสีเขียวและแดงไม่ออกยิ่งในที่ๆมีแสงสว่างไม่เพียงพอ ส่วนอาการตาบอดสีที่เกี่ยวข้องกับสีอื่นก็มีเช่นบอดสีเหลือง-น้ำเงิน หรือบางคนที่อาการหนักกว่านั้นก็จะบอดทุกๆสีไปเลย หากจะพูดอย่างเป็นกลางๆ คนที่มีอาการตาบอดสี ไม่ใช่คนตาบอดเขายังสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนเพียงแต่การรับรู้สีเท่านั้นที่ผิดเพี้ยนไปไม่เหมือนที่คนปกติเห็นกัน
การรักษาตาบอดสี ในผู้ป่วยที่ตาบอดสีตั้งแต่เกิดการรักษาจะไม่สามารถทำได้แบบสมบรูณ์ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นไปตลอดชีวิต แต่หากอาการตาบอดสีนั้นเกิดจากการได้รับผลกระทบที่เกิดกับเส้นประสาทตาที่เป็นผลมาจากการป่วยเป็นโรคอื่นๆนั้น หากได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆก็จะมีโอกาสรักษาให้อาการดีขึ้นได้ทำให้ไม่เป็นตาบอดสีอย่างถาวร
การดำเนินชีวิตของคนที่เป็นตาบอดสี สามารถทำได้ใกล้เคียงกับคนปกติเพียงแต่ต้องรู้จักข้อด้อยของตนเองและปรับตัวหรือหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการรับรู้สี จุดบกพร่องของผู้ป่วยตาบอดสีคือการแยกสีผิดเพี้ยนไปจากปกติดังนั้นควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวกับการวาดรูป หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการจำแนกสี หากรู้จักปรับตัวก็จะสามารถเลือกทำงานที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเองได้หากทำงานด้วยความขยันและตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จได้เหมือนคนปกติทั่วไป หากมีการฝึกฝนคนที่เป็นตาบอดสีก็จะสามารถขับรถยนต์และรับรู้ถึงความแตกต่างของสัญญาณไปจราจรได้ไม่ต่างจากคนปกติซึ่งบางทีอาจทำได้ดีกว่าคนปกติเสียอีก