โรคภูมิแพ้เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแสดงปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอมหรือสารภูมิแพ้ที่ผ่านเข้าสู่ร่างกายเข้ามาโดยการปล่อยสารฮีสตามีนออกมาทำให้เกิดผื่นแดง คัน ตรงบริเวณที่ร่างกายได้รับสารแปลกปลอมเหล่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งแปลกปลอมนั้นจะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันส่วนไหนของร่างกายให้แสดงผลออกมา บางคนอาจเป็นภูมิแพ้อากาศซึ่งโรคภูมิแพ้อากาศจะแสดงอาการโดยทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบและบวมทำให้ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล อาจทำให้เยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอ คออักเสบ จนทำให้เป็นไซนัสได้
อาการโรคภูมิแพ้อากาศจะต่างจากโรคหวัดคือ ไม่มีไข้ ไม่มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวน่าจะเป็นอาการของโรคหวัดมากกว่าที่จะเป็นอาการของภูมิแพ้อากาศ ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศมักจะมีอาการเรื้อรัง มีน้ำมูกใส คันจมูก คัดจมูก บางครั้งอาจมีอาการคันตาร่วมด้วย กรรมพันธุ์ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง พบว่าหากบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งเป็นภูมิแพ้โอกาสที่ลูกจะเป็นภูมิแพ้มีมากถึง 50 % หากทั้งบิดามารดาเป็นโรคภูมิแพ้โอกาสที่ลูกจะเป็นภูมิแพ้ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น
หากเป็นอาการภูมิแพ้ที่เกิดกับผิวหนังจะทำให้เกิดลมพิษ เป็นรอยนูน บวมเป็นปื้นบริเวณผิวหนังที่ได้รับสารหรือสิ่งแปลกปลอมเข้ามา อาจเกิดอาการคัน แสบร้อน ผู้ป่วยบางรายอาจหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมงโดยปราศจากร่องรอยใดๆ แต่สำหรับบางรายอาจเป็นเรื้อรังนานหลายวันเมื่อผื่นแดงหายไปก็จะกลายเป็นเกล็ดหนาทำให้เกิดอาการคันยุกยิกได้
สารภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่เป็นยามป้องกันภัยให้กับร่างกายจะอยู่ในมาสต์เซลล์ (Mast Cell) บางทีการมีสารภูมิคุ้มกันอยู่ในมาสเซลล์มากเกินไปจะส่งผลให้ร่างกายมีความไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าปกติ เมื่อถูกกระตุ้นจากสารแปลกปลอมก็จะปล่อยฮีสตามีนออกมาทำให้เกิดอาการเป็นผื่นแดง บวม ลมพิษขึ้นบริเวณผิวหนัง สารฮีสตามีนที่ปล่อยออกมาจะขยายหลอดเลือดแดงฝอยใต้ผิวหนังเลือดจึงซึมผ่านเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆได้และเม็ดเลือดขาวก็จะเข้าไปจัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามาทำให้เกิดอาการบวม แดง คัน แสนร้อนบริเวณผิวหนังนั้น
สารภูมิแพ้หรือปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการโรคภูมิแพ้นั้นมีหลายอย่างเช่น สภาพอากาศร้อนหรือหนาวเกินไป ก็ทำให้เกิดการแพ้อากาศได้ อาหารบางอย่างเช่น อาหารทะเลจำพวกกุ้ง ปู หรือ ถั่วลิสง รวมทั้งยางในพืชผักและเครื่องปรุงรสต่างๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ นอกจากนี้พิษของแมลงและสัตว์ต่างๆ เช่น แมงกะพรุนไฟ สัตว์บางชนิดที่ไม่น่าแพ้ก็อาจมีคนแพ้เช่น แพ้พิษยุงหรือมดเป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันและสภาพร่างกายซึ่งแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ดังนั้นการหาสาเหตุของโรคภูมิแพ้ก็ต้องอาศัยการสังเกตุว่าเมื่อผู้ป่วยได้รับสารชนิดใด กินอาหารอะไรเข้าไปหรืออยู่ใกล้อะไรที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นมาได้
โรคภูมิแพ้มีสาเหตุจากอะไรและอาการโรคภูมิแพ้เป็นอย่างไร
อาการโรคภูมิแพ้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่สิ่งที่ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรทำคือการป้องกันโรคภูมิแพ้โดยการหลีกเลี่ยงหรืออยู่ให้ห่างจากสิ่งที่ตัวเองแพ้ หากเกิดอาการของโรคภูมิแพ้ขึ้นมาเช่นเป็นผื่นลมพิษตามผิวหนังก็ให้รักษาตามอาการโดยการทาด้วยยาคาลาไมน์(ทาภายนอก) หรือใช้ใบชะพูลซึ่งเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายมาขยำกับเหล้าขาวแล้วทาให้ทั่วบริเวณที่คันจะช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ให้ดีขึ้นได้
การป้องกันและรักษาโรคภูมิแพ้ทำได้โดยเริ่มตั้งแต่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดเพราะในน้ำนมแม่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องโภชนาการ(กินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่) การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยควรดูแลสุขอนามัยให้ดีโดยเฉพาะของใกล้ตัวเช่น ชุดเครื่องนอนต้องหมั่นทำความสะอาด ตากแดดเป็นประจำอย่าให้เป็นที่เก็บกักพวกฝุ่นละออง ไรฝุ่น ความสะอาดของบ้านเรือนก็เป็นสิ่งสำคัญต้องหมั่นปัดกวาด เช็ดถูให้สะอาดปราศจากฝุ่น หากมีสัตว์เลี้ยงต้องแยกให้เป็นสัดส่วนเพราะขนสัตว์อาจเป็นปัจจัยทำให้เกิดอาการแพ้ได้
สำหรับผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องใช้ยาแก้แพ้แบบรับประทาน ยาลดจมูกบวม ยาแก้คัดจมูกหรือยาสำหรับพ่นจมูกเพื่อบรรเทาอาการภูมิแพ้ หากมีโรคแทรกซ้อนของโรคภูมิแพ้เช่น ไซนัส ให้รีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง