โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) เป็นโรคที่เกิดขึ้นบริเวณทวารหนักซึ่งเป็นทางขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายโดยจะมี
ติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาหรืออยู่ที่ปากทวารหนัก สาเหตุของโรคริดสีดวงทวารเกิดจากการบวมและอักเสบของหลอดเลือดดำที่อยู่บริเวณผนังลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่อาจเกิดขึ้นเป็นจุดๆหรืออาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายจุดทำให้เกิดเป็นติ่งเนื้อในบริเวณที่เป็น ริดสีดวงทวารมีทั้งที่เป็น “ริดสีดวงภายนอก” และ “ริดสีดวงภายใน” อาการริดสีดวงทวารที่ทำให้น่าตกใจคือถ่ายเป็นเลือด
อาการริดสีดวง หากริดสีดวงเกิดกับเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังรอบๆปากทวารหนักซึ่งอาจเห็นได้จากภายนอกจะเรียกว่า “ริดสีดวงภายนอก” แต่หากเกิดกับเส้นเลือดดำที่อยู่ลึกเข้าไปบริเวณด้านในของลำไส้ใหญ่ส่วนปลายจะเรียกว่า “ริดสีดวงภายใน” สาเหตุของโรคริดสีดวงทวารส่วนใหญ่จะเกิดจากการมีพฤติกรรมการขับถ่ายอุจจาระที่ไม่ถูกต้องคือผู้ป่วยริดสีดวงส่วนมากจะปล่อยให้มีอาการท้องผูกบ่อยๆโดยไม่ให้ความสนใจที่จะป้องกันรักษา นอกจากนี้การนั่งในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน การกลั้นอุจจาระและการชอบอ่านหนังสือขณะขับถ่ายล้วนเป็นพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวารได้ทั้งสิ้น
ในช่วงเวลาที่กำลังเบ่งถ่ายอุจจาระจะทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ทำให้หลอดเลือดดำที่อยู่โดยรอบทวารหนักเกิดการยืดหรือโป่งพอง ถ้ามีพฤติกรรมในการขับถ่ายลักษณะนี้บ่อยๆจะทำให้เส้นเลือดดำที่ยืดหรือโป่งพองขึ้นมานั้นกลายเป็นติ่งเนื้อได้และผนังเส้นเลือดดำจะมีความหนาน้อยลงเมื่อมีการโป่งพองหากเกิดการเสียดสีกับอุจจาระที่แข็งและหยาบก็อาจทำให้หลอดเลือดดำเกิดการปริแตกหรือฉีกขาดได้ทำให้เห็นผู้ป่วยที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) ถ่ายเป็นเลือดสดๆ ในลักษณะเดียวกันหากมีการร่วมเพศทางทวารหนัก อาการท้องผูก (ถ่ายยาก) เรื้อรัง อาการท้องเสียเรื้อรัง พฤติกรรมที่ชอบใช้ยาสวนทวารพร่ำเพรื่อ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารได้ทั้งสิ้น
อาการริดสีดวงที่พบเห็นได้บ่อยคือเจ็บปวดรอบๆทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระและมีก้อนเนื้อเป็นติ่งยื่นออกมาจากทวารหนัก บริเวณรอบๆทวารหนักจะคันและเปียกแฉะ ขณะถ่ายและหลังถ่ายอุจจาระจะมีเลือดสดๆปะปนออกมาทางทวารหนัก (ถ่ายเป็นเลือด) บริเวณรอบๆทวารหนักหากเอามือไปคลำดูจะรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อเป็นติ่งยื่นหรือนูนออกมา
อาการริดสีดวงระยะต่างๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะคือ
1. ระยะที่หนึ่งซึ่งเป็นระยะเริ่มแรก ติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นจากหลอดเลือดดำยืดหรือโป่งพองยังอยู่ภายในทวารหนัก
จะไม่ค่อยเจ็บแต่จะมีอาการคันริดสีดวงที่อยู่รอบๆทวารหนักและอาจจะมีเลือดออกเป็นบางครั้งเมื่อเบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆทำให้เกิดอาการถ่ายเป็นเลือด
2. ระยะที่ติ่งเนื้อเริ่มโผล่ออกมาตอนเบ่งถ่ายอุจจาระ อาการริดสีดวงในระยะนี้ยังสามารถหดตัวกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เองโดยไม่ต้องใช้มือช่วย
3. ระยะที่ติ่งเนื้อโผล่ออกมาในเวลาที่เบ่งถ่ายอุจจาระ ริดสีดวงอาการจะแตกต่างจากระยะที่ 2 คือติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาจากทวารหนักนั้นจะไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง ต้องใช้มือดันกลับเข้าไปในทวารหนัก
4. ระยะที่ติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่และยื่นออกมา ริดสีดวงอาการระยะนี้จะเป็นมากแล้วจนไม่สามารถกลับเข้าไปเองได้แม้จะใช้มือช่วยดันแล้วก็ตาม
การรักษาริดสีดวงทวาร การรักษาจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค ในระยะที่1 ซึ่งเป็นระยะเริ่มแรกของอาการริดสีดวงยังไม่หนักมาก ถ้ามีการดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำ
อาการเจ็บปวดและเลือดออกก็จะทุเลาและหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นริดสีดวงระยะที่2 และ 3 เป็นริดสีดวงอาการที่ค่อนข้างจะเป็นมากแล้วการรักษาโรคริดสีดวงทวารจะทำได้โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำควบคู่ไปกับการใช้ยารักษาริดสีดวง สำหรับการรักษาริดสีดวงในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่รุนแรงจะมีการถ่ายเป็นเลือดซึ่งความจริงก็คือเลือดที่ไหลออกมาจากเส้นเลือดดำที่ปริแตกอยู่เรื่อยๆ การรักษาริดสีดวงทวารในระยะนี้ต้องรักษาโดยการผ่าตัด
ยารักษาริดสีดวง ริดสีดวงรักษาได้โดยการใช้ยาจะเป็นยาเหน็บทวารหนักซึ่งเป็นยาใช้ภายนอก ยาชาบรรเทาอาการปวด ยาทำให้หลอดเลือดหดตัว ยาลดการอักเสบและยาปฏิชีวนะ โรคริดสีดวงรักษาโดยการใช้ยาชนิดขี้ผึ้งและชนิดแท่ง สำหรับยาริดสีดวงชนิดแท่งให้เก็บยา (ของเหลว) ไว้ในตู้เย็นให้ยาแข็งเป็นแท่งก่อนใช้ เมื่อจะใช้ให้เหน็บแท่งยาเข้าไปในรูทวารหนักให้สุดวันละ 1-2 ครั้ง (ระยะห่างกัน 12 ช.ม.) ส่วนยาริดสีดวงชนิดขี้ผึ้งจะมีหลอดช่วยในการสอดเข้าช่องทวารหนัก เวลาใช้ให้บีบยาขี้ผึ้งเข้าไปในช่องทวารหนักวันละ 1-2 ครั้งโดยเว้นระยะ 12 ชั่วโมงเช่นกัน
การป้องกันอาการริดสีดวงทวารและการรักษาโรคริดสีดวงทวาร
1. พฤติกรรมการเบ่งอุจจาระแรงๆ (ท้องผูก) หรือการนั่งส้วมนานๆ จะทำให้ริดสีดวงอาการเป็นมากขึ้น พยายามอย่าปล่อยให้เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะจะเป็นการเพิ่มอาการริดสีดวงให้มากขึ้น
2. อย่าถูแรงๆบริเวณรอบๆทวารหนักเพราะจะเพิ่มการระคายเคืองต่ออาการริดสีดวง
3. พยายามกินอาหารที่มีเส้นใยสูง (High fiber) เช่น ผัก-ผลไม้ ธัญพืช เพื่อช่วยให้การขับถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น
4. ให้ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้วทุกวัน
5. ควรออกกำลังกายทุกวันจะเป็นการช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้การถ่ายอุจจาระทำได้ง่ายขึ้น
6. ถ้าไม่รู้สึกปวดถ่ายก็อย่าฝืนเบ่งอุจจาระหรือนั่งส้วมนาน
7. การลดอาการปวดและอักเสบจากอาการริดสีดวงทวารให้นั่งแช่ในน้ำอุ่น 10-15 นาที หากปวดมากให้กินยาแก้ปวดหรือแก้อักเสบแล้วแต่อาการ
8. กินยาเพื่อช่วยลดอาการคั่งของเลือดเช่น Venoluton หรือ Daflon
9. ให้เหน็บยาที่ทวารหนักตอนเช้าและก่อนนอน วันละ 2 ครั้งเพื่อช่วยให้ริดสีดวงอาการดีขึ้น
10. หากอาการริดสีดวงไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 อาทิตย์ต้องรีบปรึกษาแพทย์.