โรคอีสุกอีใส (Varicella) หรือที่เรียกกันว่าไข้สุกใส เด็กเล็กจะเป็นอีสุกอีใสกันมากแต่ปัจจุบันนี้แม้แต่วัยรุ่นจนกระทั่งวัยหนุ่มสาวที่เริ่มทำงานก็เป็นกัน เมื่อเป็นโรคอีสุกอีใสแล้วจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนอีสุกอีใสเลย โดยสรุปก็คือการเป็นอีสุกอีใสจะเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตคนที่เป็นอีสุกอีใสแล้วจะไม่เป็นโรคนี้ซ้ำอีกเนื่องจากเกิดภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว
โรคอีสุกอีใสจะเป็นกันมากในช่วงเดือนมกราคมจนถึงเดือนเมษายน สาเหตุโรคอีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อวาริเซลลา (Varicella Virus) ที่มีระยะฟักตัวอยู่ที่ 10 – 20 วัน สมัยก่อนยังไม่มีวิธีป้องกันอีสุกอีใสที่ได้ผลแต่ปัจจุบันนี้มีวิธีป้องกันอีสุกอีใสโดยการฉีดวัคซีนอีสุกอีใสที่นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคอีสุกอีใสแล้วยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากโรคนี้ได้อีกด้วย คนที่ได้รับวัคซีนอีสุกอีใสไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเป็นโรคนี้เพียงแต่เปอร์เซ็นต์การเป็นโรคจะน้อยลงมากหรือถ้าจะเป็นโรคนี้ก็จะเป็นชนิดอ่อนๆ อาการโรคอีสุกอีใสของผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนอีสุกอีใสจะมีตุ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยไม่มากเหมือนกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีนอีสุกอีใส มีไข้ต่ำและจะหายจากอาการโรคอีสุกอีใสได้เร็วกว่าปกติ
วัคซีนอีสุกอีใส (Varicella vaccine) ช่วยลดโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ให้น้อยลงได้มากแต่หากเป็นก็ยังคงแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นที่เข้ามาสัมผัสกับผู้ป่วยและไม่ได้มีการป้องกันเหมือนกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีนอีสุกอีใส วิธีป้องกันอีสุกอีใสโดยการฉีดวัคซีนให้ฉีดในเด็กอายุเริ่มจาก 1 ปีขึ้นไปและควรได้รับวัคซีนก่อนอายุครบ 13 ปี สำหรับเด็กที่อายุเกินกว่า 13 ปี ต้องฉีดวัคซีนอีสุกอีใส 2 ชุดในระหว่าง 4-8 สัปดาห์ วัคซีนอีสุกอีใสสามารถให้ภูมิคุ้มกันได้นานกว่า 20 ปี
อาการโรคอีสุกอีใส (Varicella Symptoms) คนที่เป็นอีสุกอีใสจะเริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื่อไปแล้ว 14-16 วัน จะเริ่มมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร อาการโรคอีสุกอีใสที่สำคัญคือจะเกิดเป็นผื่นแดงและมีตุ่มขึ้นบริเวณหนังศีรษะแถวๆไรผมก่อนแล้วจะค่อยๆลุกลามไปทั่วตั้งแต่หน้า ลำตัว แผ่นหลัง แขนและขา ผู้ป่วยที่เป็นอีสุกอีใสบางรายอาจมีตุ่มขึ้นในปากจึงเจ็บคอ ปากเปื่อย ลิ้นเปื่อยซึ่งถือว่าเป็นอาการโรคอีสุกอีใสเช่นกัน ผื่นแดงที่เกิดขึ้นจะเริ่มกลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใสๆอยู่ข้างในและจะมีอาการคัน ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วันตุ่มนูนๆจะแห้งและตกสะเก็ดเป็นแผลเป็นจากอีสุกอีใส ระหว่างใช้วิธีรักษาอีสุกอีใสหากผู้ป่วยเป็นคนที่มีความอดทนโดยไม่เกามากจนเกินไปเมื่อหายจากอาการโรคอีสุกอีใสแล้วจะไม่มีรอยแผลเป็นหรือถ้ามีรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใสก็จะมีแต่ไม่มาก
วิธีรักษาอีสุกอีใส เนื่องจากโรคนี้แพร่เชื้อได้ง่ายเพียงแค่การสัมผัสโดยตรงหรือถูกผู้ป่วยไอ หายใจ จามรดกันก็จะสามารถติดเชื้อได้แล้ว โรคอีสุกอีใสไม่ใช่โรคที่อันตรายผู้ป่วยที่มีอาการโรคอีสุกอีใสจะเป็นเองและหายเองได้เพียงแต่ต้องระวังอย่าให้มีโรคแทรกซ้อนขึ้นมาในระหว่างที่ยังมีอาการโรคอีสุกอีใสอยู่ วิธีรักษาอีสุกอีใสเป็นการรักษาตามอาการเพราะยังไม่มียาที่ใช้รักษาโดยตรง อาการโรคอีกสุกอีใสที่เป็นไข้ก็ให้ดูแลผู้ป่วยด้วยการให้ยาลดไข้พาราเซตามอล เช็ดตัวบ่อยๆ ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ ส่วนอาการคันที่ตุ่มบริเวณผิวหนังให้ทาคาลาไมน์โลชั่น (Calamine Lotion) หากมีอาการคันมากให้กินยาแก้แพ้เพื่อช่วยบรรเทาอาการ พยายามอย่าให้ผู้ป่วยแกะแผลหรือเกาตุ่มคันเพราะอาจเกิดการติดเชื้อและโรคแทรกซ้อนได้
วิธีรักษาอีสุกอีใสและคอยเฝ้าระวังอาการของโรค โดยทั่วไปอาการต่างๆของโรคอีสุกอีใสจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 1-3 อาทิตย์ ในช่วงนี้ให้ระวังโรคแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดได้เช่น ตุ่มในเยื่อบุปากอาจเกิดการอักเสบรุนแรงจนกินอาหารไม่ได้หรือมีอาการอื่นๆเช่น หายใจหอบ ซึม ตาเหลือง ปวดศีรษะมาก เจ็บหน้าอก อาเจียน หากมีอาการดังกล่าวควรรีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยเร็วเพราะผู้ป่วยมีอาการของโรคแทรกซ้อนแล้ว
วิธีป้องกันอีสุกอีใสทำได้โดยไม่ใช้ข้าวของเครื่องใช้ร่วมกันผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ การป้องกันอีสุกอีใสอีกวิธีหนึ่งสำหรับคนที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันหรือยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนอีสุกอีใส (Varicella vaccine)สำหรับผู้ที่ต้องดูแลใกล้ชิดกับผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องฉีดเซรุ่ม (VZIG) ซึ่งเป็นการฉีดภูมิคุ้มกันโดยตรงเข้าสู่ร่างกายเพื่อเป็นการป้องกันโรคนี้อย่างเร่งด่วน โรคอีสุกอีใสไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงหากดูแลอาการและวิธีรักษาอีสุกอีใสตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด