วิถีชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบันเป็นการทำร้ายสุขภาพได้เป็นอย่างดี เวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับการทำงานและการเดินทาง การดำเนินชีวิตประจำวันด้วยการ กินเร็ว นั่งทำงานนาน พักผ่อนน้อย อยู่กับความเครียด ไม่ได้ออกกำลังกาย ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของโรคร้ายที่จะเข้ามาสู่ชีวิตคุณเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ หากไม่อยากให้โรคเหล่านี้มาเยือนต้องมีการปรับตัวให้สามารถอยู่ได้ในวิถีชีวิตแบบเร่งรีบนี้
หลักสำคัญในการดูแลสุขภาพสำหรับวิถีชีวิตที่เร่งรีบคือการทำทุกอย่างให้ช้าลงไม่ว่าจะเป็นทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนและตั้งใจ หากลองทำดูสักระยะนึงเมื่อคุณทำได้แล้วผลที่ตามมาจะคุ้มเกินคุ้มแน่นอน
การดูแลสุขภาพกาย เริ่มจากเรื่องอาหารการกิน จากชีวิตประจำวันที่ทำกันคือฝากท้องในมื้อเช้าไว้กับร้านสะดวกซื้อหรืออาหารข้างทางประเภทปิ้ง ย่าง ทอด อาหารประเภทนี้จะมีส่วนประกอบสำคัญคือ แป้ง น้ำตาล ไขมัน สารปรุงรสและวัตถุกันเสียที่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเลย อีกทั้งวิธีกินแบบจานด่วน ทำให้เคี้ยวไม่ละเอียดที่ทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อและเป็นโรคอ้วนได้ สิ่งที่ควรปรับตัวในวิถีชีวิตที่เร่งรีบคือต้องสละเวลาเคี้ยวให้ละเอียดและเลือกกินอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการทำลายคุณค่าสารอาหาร เลือกอาหารที่ปลอดสารเคมีและวัตถุกันเสียและที่สำคัญสำหรับชีวิตคนทำงานคือ อาหารต้องมีแร่ธาตุและวิตามินที่ช่วยบำรุงและเสริมสร้างให้ร่างกายหลุดพ้นจากความเหนื่อยล้าเช่น วิตามินบีทำให้ร่างกายผ่อนคลายและนอนหลับ วิตามินซีจะช่วยสร้างภูมิต้านทานและต้านความเหนื่อยล้าเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย โครเมี่ยมช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายและรักษาระดับน้ำตาลในเลือด โพแทสเซียมและแมกนีเซียมทำให้อารมณ์แจ่มใสและบำรุงประสาท กรดไขมันโอเมก้า-3 จะช่วยในเรื่องสมาธิ ความจำและการบำรุงสมอง
อาหารที่กินประจำวันควรเป็นอาหารที่มีสารอาหารธรรมชาติ ไม่ปนเปื้อนสารเคมีหรือผ่านกระบวนการจนทำให้คุณค่าของสารอาหารถูกขจัดออกไป แหล่งอาหารที่มีสารอาหารโดยธรรมชาติได้แก่สารอาหารดังต่อไปนี้เช่น สไปรูไลนาที่ช่วยชะลอไม่ให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมเร็ว เห็ดหลินจือช่วยบำรุงร่างกายให้สดชื่น ลดความอ่อนเพลียและยังช่วยในเรื่องบำรุงตับและล้างสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย ชาชาวจะให้ผลดีในเรื่องเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ เบต้าแคโรทีนนอกจากจะช่วยต้านอนุมูลอิสระแล้วยังช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย
ปรับพฤติกรรมเรื่องการออกกำลังกาย เชื่อว่าในวิถีชีวิตแบบเร่งรีบคงไม่มีเวลาออกกำลังกายอย่างแน่นอน ดังนั้นหากคุณไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เช่น เข้าฟิตเนส เดินเหยาะๆที่สวนสาธารณะ ฯลฯ ก็ให้ออกกำลังกายในที่ทำงานโดยปรับพฤติกรรมในการทำงานเช่น การใช้บันไดแทนลิฟท์ การเดินไปชงกาแฟด้วยตัวเอง การลุกเดินไปดื่มน้ำและพบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานแทนการส่งจดหมายอิเล็คทรอนิคส์หรืออีเมล์ คุณอาจเหยียดแข้งขา บิดตัวในระหว่างทำงานเพื่อเป็นการเปลี่ยนอิริยาบทและออกกำลังกายเบาๆไปในตัวด้วยในเวลาเดียวกัน การออกกำลังกายเบาๆ อย่างต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าการหักโหมออกกำลังกายอาทิตย์ละครั้ง ๆ ละ 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรหาเวลาออกกำลังกายเบาๆ ทำไปเรื่อยๆ แต่สม่ำเสมอจะได้ผลดีต่อสุขภาพมากกว่า
การพักผ่อนนอนหลับ ไม่ว่าวิถีชีวิตของคุณจะเร่งรีบขนาดไหน คุณก็ต้องพยายามกำหนดเวลานอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ผลเสียของการนอนไม่พอทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมเร็ว สมองทำงานช้า ไม่กระปรี้กระเปร่า เมื่อดูแลสุขภาพกายแล้วต่อมาสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการดูแลสุขภาพจิตใจโดยหาทางผ่อนคลายเสียบ้างอย่าคร่ำเคร่งกับงานมากเกินไป ให้ลดมลพิษทางอารมณ์ด้วยการทำสมาธิอาจเป็นช่วงเช้าและก่อนนอนเพื่อทำให้จิตใจพร้อมสำหรับการทำงานในวันต่อไป การฝึกความคิดเชิงบวกหรือมองโลกในแง่ดีก็ทำให้สุขภาพจิตของคุณดีขึ้น พยายามเตือนตัวเองให้ปล่อยวางบ้างก็จะทำให้จิตใจคุณสงบและมีสมาธิได้ อย่าลืมว่าการใช้ชีวิตในแบบที่เร่งรีบจะส่งผลกระทบกับสุขภาพในด้านลบมากกว่าจึงควรปรับการใช้ชีวิตให้เนิบช้าเข้าไว้แล้วอะไรๆ จะดีขึ้นเอง