สิ่งที่จะเสริมสร้างและบำรุงสมองเด็กให้ดีครบถ้วนและจะทำให้ลูกคุณประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งในเรื่องการงานและสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจากร่างกายที่แข็งแรงและสมองที่ฉับไว เด็กที่ขาดสารอาหารในช่วง 3 ขวบปีแรกนับว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากเพราะช่วงนี้พูดได้ว่าเป็นช่วงเวลาทองในการพัฒนาสมองของเด็กได้อย่างเต็มที่ ในช่วงเวลาดังกล่าวจึงควรส่งเสริมและบำรุงร่างกายของเด็กให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน หลังจากวัย 3 ขวบแล้วร่างกายก็ยังต้องการสารอาหารบำรุงเช่นเดิมแต่ช่วงที่สำคัญคือช่วง 1-3 ขวบ อาหารสำหรับบำรุงสมองของเด็กจำแนกได้ตามอาหารหลัก 5 หมู่ดังนี้คือ
อาหารบำรุงสมองประเภทโปรตีน เช่น กรดอะมิโนไทโรซีนที่ช่วยให้สมองตื่นตัว กระฉับกระเฉงและมีพลัง กรดอะมิโนทริปโตแฟนจะช่วยให้สมองผ่อนคลายและมีอารมณ์ดี สารอาหารโปรตีนจะช่วยการทำงานของสารสื่อประสาทในสมอง
อาหารบำรุงสมองแป้งและน้ำตาล ระดับน้ำตาลในร่างกายจะเปลี่ยนแปลงจากการกินแป้งและน้ำตาล ถ้าเด็กกินแป้งและน้ำตาลมากเกินไปจะส่งผลต่อการทำงานของสมอง ความมีสมาธิในการเรียนและเรื่องความจำ
อาหารบำรุงสมองประเภทไขมัน องค์ประกอบหลักในสมองคือไขมัน โอเมก้า-3คือกรดไขมันที่เป็นโครงสร้างสำคัญในจอประสาทตาและสมอง หากเด็กขาดกรดไขมันโอเมก้า-3 จะทำให้เกิดอาการความสามารถในการเรียนรู้ลดลง ซึมเศร้า ความจำไม่ดี ไอคิวต่ำและอาจมีอาการทางจิตอีกด้วย สำหรับในทารกหรือเด็กที่กำลังโตหากขาดโอเมก้า-3 จะทำให้การพัฒนาการของสมองช้ากว่าที่ควรจะเป็น สมองเล็กไม่สมบูรณ์และส่งผลกระทบถึงการมองเห็นด้วย
อาหารบำรุงสมองประเภทผักและผลไม้ ผลไม้และผักอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญทำให้สมองทำงานได้ดี ผักและผลไม้ยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายเพราะกากใยของผักและผลไม้ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้สมบูรณ์ นอกจากนี้ยังช่วยดูดซึมไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วเกินไป หากปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงมากสมองที่มีความไวต่อระดับน้ำตาลในเลือดจะสั่งให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งจะมีผลการต่อทำงานของสมอง ความจำ สมาธิในการเรียน วิตามินและเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการมีดังนี้
วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 โคลีน กรดโฟลิค แมงกานีส แมกนีเซียม โพแทสเซียมและแคลเซียม ซึ่งสารอาหารแต่ละชนิดจะมีประโยชน์ดังนี้คือ วิตามินบี1 จะช่วยเร่งการเผาผลาญแป้งและน้ำตาลที่ร่างกายกินเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังให้สมองแข็งแรง วิตามินบี1 จะพบได้ในเมล็ดข้าวที่ไม่ผ่านการขัดขาว ถั่ว ข้าวโพด งา ข้าวกล้อง วิตามินบี 2 จะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรคและไขมันอย่างเต็มที่ วิตามินบี3 จะช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทให้เป็นไปตามปกติ หากขาดวิตามินบี3 จะทำให้ร่างกายไม่มีสมาธิ หงุดหงิดง่าย อ่อนเพลีย วิตามินบี5 ช่วยในการถ่ายทอด รับ-ส่งสัญญาณประสาท วิตามินบี5 พบมากในเนื้อวัว ปลา ไข่ สัตว์ปีก ธัญพืช นมสดและผลไม้ วิตามินบี6 พบในอาหารประเภทเครื่องในสัตว์และธัญพืชจะช่วยในเรื่องการผลิตสารเคมีของสมอง วิตามินบี12 พบมากในเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลาและผลิตภัณฑ์จากนม มีประโยชน์ต่อการทำงานที่เกี่ยวกับความจำ ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและบำรุงเนื้อเยื่อประสาท ถ้าขาดวิตามินบี12 จะทำให้สมองเสื่อมได้ โคลีนเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในข้าวโพด ข้าวกล้อง มีมากในจมูกข้าวโพดและโคลีนยังพบได้ในไข่แดงด้วย กรดโฟลิคเป็นกรดที่สำคัญต่อผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ช่วยสื่อสารความรู้สึกจากแม่ไปสู่ลูกในท้อง พบได้ใน ส้ม กล้วย มะนาว ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา แคนตาลูป สตรอเบอร์รี่ แมงกานีสเป็นเกลือแร่ที่ดูแลสุขภาพของระบบประสาทและสมองพบมากในหอยนางรมแต่ก็ต้องระวังเรื่องคอเลสเตอรอลไว้ด้วย ส่วนแมกนีเซียมโพแทสเซียมและแคลเซียมล้วนแต่ช่วยบำรุงการทำงานของระบบประสาทและสมองพบได้ในผลไม้และผักใบเขียว
เมื่อร่างกายของเด็กได้รับสารอาหารต่างๆที่เป็นประโยขน์อย่างครบถ้วนแล้ว อย่าลืมเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านอารมณ์โดยสร้างพฤติกรรมเชิงบวกและสร้างสรรค์ให้แก่เด็ก ให้เด็กได้ออกกำลังกายบ่อยๆ หัวเราะบ่อยๆ อารมณ์ดีอยู่เสมอ สอนให้เด็กรู้จักการมีน้ำใจ รู้จักให้อภัยและแบ่งปัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กมีทั้งร่างกายที่แข็งแรงและมีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านสติปัญญาและสังคม.