โรคหูดหงอนไก่ เป็นติ่งเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ ติ่งจะมีสีชมพู-แดงถ้าเกิดขึ้นมากๆ ในบริเวณเดียวกันจะดูมีสีแดงคล้ายหงอนไก่ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่มักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กัน จุดที่มักจะเกิดหูดหงอนไก่ก็คือบริเวณคอคอดที่อวัยวะเพศชายและแถวๆทวารหนัก ส่วนหูดหงอนไก่ที่เกิดในผู้หญิงจะเกิดบริเวณปากมดลูกหรือแถวๆแคมช่องคลอด
เชื้อไวรัสเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่จะเป็นการติดเชื้อที่หนังกำพร้าที่จะไม่แสดงอาการออกมาแต่ถ้าบริเวณติ่งเกิดการฉีกขาดอาจติดเชื้อแบคทีเรียและเป็นหนองได้ ติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นถ้ามีหลายๆติ่งอยู่ใกล้ๆกันจะดูเหมือนหงอนไก่ที่มีสีแดงสด ลักษณะของหูดหงอนไก่จะเป็นตุ่มบานออกคล้ายดอกกะหล่ำมีสีชมพูหรือแดงถ้าติ่งเนื้อถูกเสียดสีหรือกระทบแรงๆอาจทำให้เลือดออกและติดเชื้อจนเกิดการอักเสบได้ ในกลุ่มชายรักร่วมเพศมักเกิดหูดหงอนไก่รอบๆบริเวณที่ได้รับการเสียดสีบ่อยๆเช่นรอบทวารหนักแต่โดยทั่วไปหูดหงอนไก่จะเป็นตุ่มสีชมพูงอกบานอยู่ด้านในของหนังหุ้มปลายองคชาติ ส่วนในผู้หญิงมักจะเกิดบริเวณปากช่องคลอดและปากมดลูก ลักษณะของหูดจะแบนราบและเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งปากมดลูก โรคหูดหงอนไก่แบบที่ขึ้นเป็นกลุ่มก็มี มักเป็นตุ่มหลายๆตุ่มเกิดขึ้นพร้อมกันและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ส่วนหูดหงอนไก่ที่เป็นแบบก้อนใหญ่ก็มี อาจเรียกว่า “หูดยักษ์” เพราะหูดประเภทนี้จะโตเร็วมากจนอาจปกคลุมอวัยวะเพศได้ สาเหตุที่ทำให้หูดประเภทนี้โตเร็วเพราะได้รับการติดเชื้อมาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ความสกปรก ตกขาว เป็นต้น
วิธีป้องกันและรักษาหูดหงอนไก่ เนื่องจากเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่นั้นต้องใช้ระยะเวลาฟักตัวประมาณ 1-6 เดือนจึงเริ่มสังเกตเห็นอาการที่เด่นชัดการรักษาจะเริ่มจากการใช้ยาทาบริเวณที่เป็นหรืออาจใช้วิธีจี้ด้วยไฟฟ้า จี้ด้วยเลเซอร์และจี้เย็นด้วยสารเคมีเพื่อตัดหูดหงอนไก่ทิ้งไป ส่วนการป้องกันตัวจากโรคหูดหงอนไก่แบบง่ายๆก็คือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เท่านั้นเอง
ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตรวจอะไรบ้าง การตรวจที่พบได้บ่อยในการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้แก่ การตรวจหนองใน (Gonorrhea) โดยใช้ตัวอย่างปัสสาวะหรือใช้ตัวอย่างจากบริเวณที่อาจมีการติดเชื้อเช่น ทวารหนัก ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ เป็นต้น การตรวจเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) เพื่อหาการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง การตรวจเริม การตรวจเอชไอวี การตรวจไวรัสตับอักเสบชนิดบี (Hepatitis B) การตรวจสอบเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามคำแนะนำของแพทย์ ขึ้นอยู่กับอาการที่แสดงออกมาและความเสี่ยงส่วนบุคคล การตรวจอย่างครบถ้วนและสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพื่อความปลอดภัยของตนเองและคู่นอน
โรคหนองในสามารถหายเองได้ไหม การรักษาโรคหนองในจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โรคหนองในนี้ไม่สามารถหายเองได้ สำหรับผู้ชายอาจทำให้ติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก สำหรับผู้หญิงจะติดเชื้อไปสู่อุ้งเชิงกราน(Pelvic Inflammatory Disease, PID) ทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือเกิดภาวะมีบุตรยากได้ หากกล่าวโดยรวมโรคหนองในจะมีผลกับทั้งเพศชายและหญิงเพราะเชื้อจะแพร่กระจายไปทำให้เกิดการติดเชื้อได้ที่อวัยวส่วนต่างๆ เช่น ผิวหนัง สมอง หัวใจและข้อ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของโรคหากสงสัยว่าตนเองจะติดเชื้อหนองในจึงควรปรึกษาแพทย์โดยไปพร้อมกันทั้งตัวผู้ป่วยเองและคู่นอนที่มีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย
ช่องคลอดอักเสบหายเองได้ไหม สาเหตุของช่องคลอดอักเสบ (Vaginitis) อาจเกิดจากหลายสาเหตุได้แก่ การติดเชื้อรา แบคทีเรีย โปรโตซัว การระคายเคืองจากสารเคมีหรือภาวะที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น ภาวะหลังหมดประจำเดือน โดยทั่วไปช่องคลอดอักเสบจะไม่สามารถหายเองได้จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสมจึงจะหายได้โดยเฉพาะกรณีที่เป็นการติดเชื้อ ช่องคลอดอักเสบไม่ควรปล่อยให้หายเองโดยไม่ได้รับการรักษา ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการกลับมาเป็นซ้ำ หากมีอาการผิดปกติในช่องคลอด ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้อง