วิธีกินยาพาราเซตามอล(Paracetamol) ที่ถูกต้อง

ยาแก้ปวด-ลดไข้พาราเซตามอล(Paracetamol) เป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่รู้จักกันดี ถ้าเป็นในอดีตยาแก้ปวด-ลดไข้ที่นิยมมักจะเป็นแอสไพรินแต่ด้วยข้อจำกัดในการใช้เนื่องจากพาราเซตามอลแอสไพรินเป็นยาที่ทำให้กระเพาะอาหารเกิดการระคายเคืองได้ ดังนั้นการกินแอสไพรินจึงข้อจำกัดหากผู้ใช้กินยาแอสไพรินบ่อยๆ เป็นเวลานานอาจทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารได้บางรายอาจถึงขั้นกระเพาะอาหารทะลุก็ได้ ข้อจำกัดของการใช้ยาแอสไพรินอีกอย่างก็คือไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตหรือผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ เมื่อมีข้อจำกัดเช่นนี้เมื่อมีทางเลือกใหม่ให้กับผู้ป่วยคือยาพาราเซตามอลที่ไม่กัดกระเพาะและไม่มีข้อจำกัดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตและไข้หวัดใหญ่จึงทำให้ยาพาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวด-ลดไข้ที่นิยมใช้กันมากที่สุด

ในความเป็นจริงยาก็คือยาที่เมื่อมีคุณก็ต้องมีโทษด้วยเช่นกันหากใช้อย่างผิดวิธี ผู้ป่วยที่เห็นว่าพาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวดที่ช่วยบรรเทาปวดได้ ดังนั้นไม่ว่าจะปวดอะไรก็กินพาราเซตามอลไว้ก่อน การกินยาพาราเซตามอลบ่อยเกินไปหรือกินในปริมาณที่มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้อาจทำให้เกิดอันตรายต่อตับได้

ควรกินพาราเซตามอลในปริมาณเท่าใด เป็นที่ทราบกันว่าข้อจำกัดในการใช้ยาพาราเซตามอลมีน้อยกว่ายาแอสไพรินแต่หากกินเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ เกณฑ์ที่กำหนดไว้คือขนาดการใช้ยาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่คือ ไม่เกิน 4 กรัมต่อวันและการกินแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมและไม่เกินครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม จะเห็นได้ว่ายาพาราเซตามอลที่วางขายตามร้านขายยาทั่วไปจะมี 2 ขนาดคือ 1. ขนาด 325 มิลลิกรัม/เม็ด และ 2. ขนาด 500 มิลลิกรัม/เม็ด ในปัจจุบันส่วนมากจะเป็นชนิด 500 มิลลิกรัม/เม็ด ข้อกำหนดในการใช้ยามักระบุว่าให้กินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้-บรรเทาปวดโดยให้กินครั้งละ 2 เม็ดทุก 4-6 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าผู้ป่วยกินยาทุก 4 ชั่วโมงในหนึ่งวันก็จะกินยาไปถึง 12 เม็ด ซึ่งในความจริงแล้วผู้ป่วยไม่ควรกินเกิน 8 เม็ด/วัน หากผู้ป่วยยังกินยาพาราเซตามอลในปริมาณนี้ไปสักระยะหนึ่งอาจทำให้เป็นพิษต่อตับได้

ดังนั้นการใช้ยาพาราเซตามอลที่ถูกต้องสำหรับชนิด 500 มิลลิกัมควรเปลี่ยนเป็นให้กินครั้งละ 2 เม็ดทุกๆ 6 ชั่วโมงสำหรับผู้ใหญ่ ส่วนการใช้ยาพาราเซตามอลสำหรับเด็กเล็กนั้น(ส่วนมากเป็นยาน้ำ) ก็มีสิ่งที่ต้องระวังไม่ต่างจากการใช้ยาพาราเซตามอลในผู้ใหญ่คือต้องอ่านเอกสารกำกับยาให้เข้าใจว่าในปริมาณยาจำนวน 5 ซีซีหรือ 1 ช้อนชานั้น มีปริมาณตัวยาอยู่จำนวนเท่าไหร่(กี่มิลลิกรัม) เพื่อจะได้หาจำนวนช้อนชาที่เหมาะสมก่อนใช้ยากับเด็กเล็กโดยคำนวณจากน้ำหนักตัวของเด็กประกอบ

การกินยาแก้ปวด-ลดไข้อย่าคิดว่าเป็นเรื่องง่ายเพราะจะทำให้คุณเกิดความประมาทและมองข้ามความปลอดภัยเช่นเดียวกับการกินยาพาราเซตามอลนี้ หากกินสุ่มสี่สุ่มห้าอาจทำให้เป็นพิษต่อตับได้ อย่าคิดว่าการกินยาเป็นเรื่องกล้วยๆทำให้เกิดความประมาทจนอาจทำให้เกิดเหตุการณ์กล้วยติดคอได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *